พบกันอีกครั้งกับ ทริคน่ารู้ เป็นเรื่องธรรมดาที่ใคร ๆ ก็ต้องเคยมีความเครียดกับ สถานการณ์ ที่ยังมาไม่ถึงด้วยความพะวงว่า ตัวเองจะทำสิ่งนู้นสิ่งนี้ไม่ได้หรือจะเกิดปัญหาตามแนวโน้มของความเป็นไปได้หรือไม่ จนทำให้กว่าจะเจอกับสถานการณ์จริง พวกเราก็สูญเสียความเป็นตัวเองเพราะการเครียดไปแล้ว แม้จะพยายามบอกกับตัวเองว่า ยังไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้นในสถานการณ์จริง แต่ธรรมชาติของมนุษย์ก็ย่อมจะมีความกังวลล่วงหน้าก่อนอยู่ดี ด้วยหากไม่มีความพะวงแล้วไซร้ เมื่อถึงเหตุการณ์จริงแล้วมีปัญหาต่าง ๆ ขึ้นมาก็จะตั้งตัวไม่ถูก สมองจึงสั่งให้เรามีความเครียดกับสถานการณ์นั้น ๆ ล่วงหน้าเพื่อเป็นกลไกในการคิดสิ่งต่าง ๆ ทดแทนไว้ก่อนเพื่อให้ตั้งรับกับสถานการณ์จริงที่จะเกิดขึ้น และดูเหมือนว่ามันจะช่วยได้จริงหากเกิดปัญหา เราจะคิดว่า “นั่นไง ฉันว่าแล้ว งั้นก็ต้องจัดการปัญหาแบบนี้แบบนั้นตามที่วางแพลนหลายแพลนสำรองมาดีกว่า” เป้าหมายการเครียดที่แท้จริงจึงเกิดขึ้นเพื่อเตรียมพร้อมหาทางจัดการปัญหาล่วงหน้า แต่มันจะดีจริงหรือ? หากเราเครียดกับสถานการณ์ที่ยังมาไม่ถึงตลอดเวลา
ความคิดของเราต่อ สถานการณ์ ที่ยังมาไม่ถึง

พวกคุณเคยได้ยินหรือไม่ว่า คนเรามักจะคิดจินตนาการถึงปัญหาและสถานการณ์ต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นล่วงหน้าแบบแอดวานซ์จนมันเครียดมากกว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริงทุกครั้งไป การกล่าวเช่นนี้คือสิ่งที่เป็นข้อเท็จจริง เพราะเมื่อเราเครียดกับสถานการณ์ที่ยังมาไม่ถึง จิตของเราก็จะสั่งให้เราจินตนาการถึงแนวโน้มหลากหลายแนวโน้มที่จะเกิดปัญหาขึ้นได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อคิดแก้ปัญหาให้ครบไว้ก่อน โดยไม่กล้าที่จะคิดว่าทุกอย่างจะผ่านพ้นไปได้อย่างรายรื่น ด้วยความที่ในอดีตทุกคนย่อมเคยเจอกับปัญหามาบ่อยกว่าความราบรื่นในเหตุการณ์สำคัญนั้น ๆ จึงย่อมเกิดความเครียดไว้ก่อนที่จะถึงอนาคตเป็นเรื่องธรรมดา แต่หากเป็นเช่นนี้ตลอดก็จะทำให้เกิดผลเสียที่คุณจะพักผ่อนน้อยและใช้ชีวิตกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในวันนั้นแบบไม่เต็มที่ มีความกลัวอยู่ในใจจนแทนที่คุณจะทำทุกอย่างได้ดีเต็มร้อยก็กลับเสียความมั่นใจในตัวเองให้แก่ความกลัวจากความคิดของเราไปเสียแล้ว เช่น การพรีเซ้นต์งาน เรากลัวจะถูกตำหนิ ให้ไปแก้งานใหม่จึงขาดธรรมชาติในการพูดจนดูเครียดไปได้ เป็นต้น แต่หากไม่เครียดและมองถึงความตั้งใจในปัจจุบัน เชื่อมั่นในความทุ่มเทระหว่างทางเพื่อให้ผ่านสถานการณ์นั้นไปได้ในวันจริงของเรา ไม่ว่าจะเกิดปัญหาหรือไม่ เราก็จะไม่กลัว

สถานการณ์จริงที่เกิดขึ้น
สถานการณ์จริงย่อมจะมีด้วยกัน 2 รูปแบบ คือ สถานการณ์ที่ผ่านวันนั้นไปได้อย่างราบรื่น กับสถานการณ์ที่ทำให้เกิดปัญหาตึงเครียด แต่ไม่ว่าอย่างไรมเดี๋ยวอนาคตก็จะกลายเป็นอดีตที่เรายังสามารถมีลมหายใจและดำเนินชีวิตของตัวเองผ่านวันนั้นไปได้อยู่ดี ทุกอย่างเข้ามาเป็นบทเรียนของเรา หากผ่านปัญหาไปได้ราบรื่นแปลว่า เราเติบโตในระดับหนึ่งแล้ววันนั้น แต่หากมีปัญหาถูกผู้ใหญ่ตำหนิติต่าง ๆ หรือตักเตือนก็ขอให้มองว่า เขาไม่ได้ไม่ชอบเรา แต่เป็นการแนะนำด้วยความหวังดีเพื่อให้เราพัฒนาสิ่งที่ทำให้ดีกว่านี้ ไม่ใช่ว่าคุณยังทำไม่ดี คุณตั้งใจมาก แต่มันสามารถดีขึ้นได้กว่านี้ คนเรามีจุดบกพร่องเป็นธรรมดาและแตกต่างกันออกไป มันไม่ใช่เรื่องผิดที่คุณต้องกลัวเลย และสถานการณ์จริงที่เกิดขึ้นแม้จะเป็นปัญหาแต่ก็ไม่น่ากลัวเท่ากับปัญหาที่เราสร้างมันขึ้นมาตอนที่ยังไม่เกิดสถานการณ์นี้อย่างแน่นอนเชื่อเถอะ เช่น สถานการณ์จริงเขาอาจติเราเล็ก ๆ น้อย ๆ แถมมีชื่นชมเฉพาะจุดด้วย แต่ตอนที่เราคิดล่วงหน้า เรากลับมองว่าเขาจะดุเราเสียงดังแบบกดเราจมดินจนไปต่อไม่ถูกเลย เป็นต้น คุณจึงไม่ต้องกลัวใด ๆ กับสถานการณ์จริง ให้กลัวความเครียดก่อนหน้าของคุณจะดีกว่า และรีบขจัดมันออกเสีย

อัพเดทข่าวสารและ ความรู้รอบตัว เพิ่มเติมที่ The7days