
เรียกได้ว่าเป็นพืชอีกตระกูลหนึ่งที่ให้คุณประโยชน์แก่ร่างกายในหลากหลายด้าน ซึ่งปัจจุบันนี้เราปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเทรนการดูแลสุขภาพนั้นกำลังมาแรง การดูแลสุขภาพด้วยสารอาหาร หรือพืชออแกนิคยังเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายอยู่ในขณะนี้ เมล็ดแฟลกซ์จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ที่รักและดูแลสุภาพเป็นพิเศษ เนื่องจากเมล็ดแฟลกซ์นั้นเป็นพืชที่มีคุณสมบัติในการลดความเสี่ยงโรคร้ายต่างๆได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่อย่างไรก็ตามในประโยชน์ที่ได้รับการยกย่อนั้นย่อมมีโทษตามมาเสมอ วันนี้เราจึ้งนำ ทั้งคุณประโยชน์และโทษที่มีต่อสุขภาพของเมล็ดแฟลกซ์มาฝากกัน จะเป็นอย่างไรบ้างนั้นติดตามกันได้เลย

ด้านคุณประโยชน์ของเมล็ดแฟลกซ์ที่มีผลต่อร่างกาย
- ช่วยลดความเสี่ยงในการเกอดโรคร้ายต่างๆได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น โรคมะเร็ง เนื่องจากในเมล็ดแฟลกซ์นั้นมีสารที่ชื่อว่า สารลิกแนน เป็นสารที่สามารถพบได้ในเมล็ดพืชทั่วๆไปเช่น เมล็ดทานตะวัน เพียงแต่ว่าในเมล็ดแฟลกซ์นั้นจะพบสารนี้มากกว่าพืชตระกูลอื่น สารลิกแนนมีส่วนช่วยต้านอนุมูลอิสระได้เป็นอย่างดีอีกทั้งยังมีสารเอสโตรเจน ซึ่งเป็นสารที่มีส่วนในการลดความเสี่ยงที่จะเกิดโรคมะเร็งนั่นเอง
- ในเมล็ดแฟลกซ์จะพบกรดไขมันโอเมก้า 3 ในปริมาณที่สูง กรดไขมันชนิดนี้มีส่วนช่วยป้องกันคอเลสเตอรอลที่จะมาสะสมในหลอดเลือดหัวใจ อีกทั้งยังช่วยลดการเจริญเติบโตของเซลล์ที่ผิดปกติได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังมีส่วนช่วยลดการอักเสบในหลอดเลือดได้อีกด้วย
- เมล็ดแฟลกซ์เป็นตระกูลพืชที่มีไฟเบอร์สูง ดังนั้นจึ้งโดดเด่นมากในเรื่องของระบบขับถ่าย ช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้อย่างปกติ ไฟเบอร์ที่อยู่ในเมล็ดแฟลกซ์นี้มีทั้งชนิดที่ละลายน้ำได้และไม่ได้จึงช่วยให้ระบบขับถ่ายของเราทำงานได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้สรรพคุณของไฟเบอร์ที่ละลายน้ำได้ มีส่วนช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้อีกด้วย
- เป็นแหล่งโปรตีนชั้นเยี่ยมเลยทีเดียว เมล็ดแฟลกซ์สามารถช่วยเพิ่มปริมาณโปรตีนในแต่ละมื้ออาหารของคุณได้ มีสรรพคุณช่วยลดคอเลสเตอรอล อีกทั้งยังช่วยลดการเกิดเซลล์ที่ผิดปกติได้อีกด้วย
โทษต่อสุขภาพที่ควรระวัง เมล็ดแฟลกซ์เป็นตระกูลพืชที่อุดมไปด้วยสารอาหารมากมาย การรับประทานต้องอยู่ในปริมาณที่เหมาะสมต่อวัน ซึ่งแนะนำว่าต้องไม่ทานเกิด 5 ช้อนโต๊ะต่อวัน และจะเกิดอันตรายมากในผู้ที่แพ้เมล็ดแฟลกซ์ บางรายจะมีอาการคัน ผื่นแดงตามลำตัว หรือที่ร้ายแรงกว่านั้นคือหายใจติดขัดลำบาก ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทันที ดังนั้น การรับประทานควรอยู่ในปริมาณที่เหมาะสมต่อความต้องการของร่างกายเท่านั้น
