พบกันอีกครั้งกับ ทริคน่ารู้ เคยสงสัยหรือไม่ว่า ในชีวิตประจำวันของเรา เราก็ใช้ชีวิตอย่างปกติสุขของตัวเอง อยู่ในมุมของตัวเอง ไม่เคยทำให้ใครเดือดร้อนเลย ทำไมจู่ ๆ ถึงได้มีคนมาอิจฉาเราเสียอย่างนั้น? แน่นอนว่ามันคือสิ่งที่ไม่ว่าใครก็ต้องอยากรู้ ไม่มีใครในโลกที่จะไม่ถูกอิจฉา ขึ้นอยู่กับว่าคนที่อิจฉาเราจะเป็นใครก็เท่านั้น คำว่า “อิจฉา” หากให้นิยามความหมายตรง ๆ ก็จะหมายถึง ความรู้สึกที่อยากได้อยากมีเหมือนอีกฝ่าย รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจที่ไม่มีอะไรเหมือนกับอีกฝ่าย จนพอสะสมไปเรื่อย ๆ ก็จะกลายเป็นมีอารมณ์หงุดหงิดและไม่ชอบใจเวลาที่อีกฝ่ายได้อะไรที่ดีกว่า จนมันปะทุหนักทำให้คนนินทาคุณในทางเสียหายเพื่อลดความอิจฉาในตัวคุณลงบ้าง โดนคนเกลียดบ้าง โดนคนแซะในทางที่ไร้เหตุผลบ้าง

            พบกันอีกครั้งกับ ทริคน่ารู้ ในช่วงเวลาที่เรากำลังทำกิจกรรมอยู่ในตึกหรืออาคารต่าง ๆ แบบปกติสุขดีก็อาจจะสามารถเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันอย่างไฟไหม้ทำให้ทุกคนต้องรีบออกจากตึกอาคารที่อยู่โดยเร็วที่สุดได้แบบฉับพลันกะทันหัน ซึ่งเราค่อนข้างเชื่อว่า หลายคนที่เกิดความตื่นตระหนกกลัวว่าตัวเองจะหนีจากไฟไหม้ที่ลุกลามมาอย่างรวดเร็วไม่ทันย่อมที่จะใช้วิธีการลงจากตึกอาคารอย่างง่าย ๆ และรวดเร็วที่สุดเท่าที่ตัวเองจะคิดได้ คือ “การขึ้นลิฟต์” เพราะแค่ขาของเราที่วิ่งลงไปก็ช้าแล้ว ไหนจะต้องอัดคนจำนวนมากที่ใช้บันไดทั่วไปและบันไดหนีไฟลงไปกันอีกด้วย เดี๋ยวก็ได้พากันเกิดอุบัติเหตุพลัดตกหรือเสียเวลาไปอีก ฉะนั้นลิฟต์นี่แหละคือ สิ่งอำนวยความสะดวกที่เพียงแค่กดปุ่มก็จะพาคุณลงมาจากตึกแล้วรีบหนีได้แล้ว แต่ความเป็นจริงมันอาจไม่ใช่แบบนั้น! เพราะลิฟต์คือตัวเลือกที่อันตรายที่สุดเมื่อเทียบกับตัวเลือกอื่นคุณจึง ห้ามขึ้นลิฟต์เมื่อไฟไหม้ ด้วยเหตุผลดังนี้ 3 เหตุผล ห้ามขึ้นลิฟต์เมื่อไฟไหม้ ไฟจะดับได้ง่ายจึงห้ามขึ้นลิฟต์เมื่อไฟไหม้            

            พบกันอีกครั้งกับ ทริคน่ารู้ หากจะกล่าวถึง “มนุษย์”แล้ว ไม่ว่าใครก็ย่อมต้องมีทั้งสิ่งที่เราทำแล้วสำเร็จดี ทำอะไร ๆ ก็ล้วนแล้วแต่ได้รับความสุขและชัยชนะในชีวิตตามเป้าหมายทั้งนั้น และ มีสิ่งที่เราทำไม่ค่อยจะสำเร็จ ผิดพลาดบ่อย ๆ จนถูกตำหนิติเตียนกันก็เยอะ นั่นทำให้มนุษย์เรามีชีวิตที่ขึ้นบ้างลงบ้างเป็นธรรมดา แต่ด้วยความที่สมองของเรามักจะนึกถึงแต่ความผิดพลาดและข้อเสียของตัวเองที่ทำให้เกิดเรื่องราวใหญ่โตหรือสิ่งที่ทำให้ไม่มีความสุขจนมันฝังใจอยู่บ่อย ๆ จึงทำให้มนุษย์เราชอบเกิดความคิดแง่ลบกับตัวเองและคิดว่าตัวเองทำอะไรก็ไม่ดีสักอย่าง ชีวิตไม่เคยสร้างคุณค่าต่อใครเขาหรือบางคนถึงขนาดคิดว่าตัวเองไม่มีคุณค่าเลยด้วยซ้ำ ซึ่งยิ่งคิดแง่ลบกับตัวเองมาก ๆ ก็ยิ่งทำให้เราเกิดความหวาดกลัวต่อการจะกล้าทำสิ่งต่าง ๆ เพราะคิดว่าทำยังไงก็ต้องพบกับความผิดพลาดและความเสียใจเหมือนเดิม แบบนี้ถึงเวลาแล้วที่คุณต้องฝึกตัวเองด้วยวิธีเหล่านี้เพื่อไม่ให้ คิดแง่ลบ

            พบกันอีกครั้งกับ ทริคน่ารู้ “อาชีพ” คือ การงานประจำที่คุณต้องทำมันในทุก ๆ วัน ซึ่งมักจะไม่ต่ำกว่า 7 – 8 ชั่วโมง หรืออาจจะมากกว่านั้นหากมีความจำเป็นต้องทำงานในช่วงเวลาพิเศษ โดยงานประจำเป็นงานที่คุณทำเพื่อสร้างความมั่นคงทางการเงินให้ตัวเองมีรายได้เข้ามาต่อเดือนตามที่มุ่งเป้าหมายไว้เพื่อไม่เป็นปัญหาในเรื่องการใช้จ่ายที่จะเข้ามามากมายทั้งค่าน้ำค่าไฟ ค่าอาหาร ค่าต่าง ๆ ที่มีทั้งเข้ามาคงที่และเข้ามาอย่างกะทันหันบ้างเป็นเรื่องธรรมดา หากเรามีรายได้เพียงพอจากการทำอาชีพก็จะทำให้เราสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างมีความสุข ไม่เดือดเนื้อร้อนใจ แต่หากคุณมี “งานเสริม” อย่างพวกงานรับจ้างฟรีแลนซ์ หรืองานค้าขายล่ะก็ย่อมจะยิ่งดีเข้าไปใหญ่เลย บางคนอาจบ่นว่าตัวเองทำงานอาชีพหลักมาติดต่อกัน

            พบกันอีกครั้งกับ ทริคน่ารู้ ในสมัยก่อนหากจะพูดถึงรถไฟฟ้าในกรุงเทพมหานครแล้วล่ะก็ไม่ว่าใครต่อใครย่อมจะเรียกสั้น ๆ ง่าย ๆ ด้วยชื่อว่า “รถ BTS” ซึ่งเป็นการคมนาคมขนส่งรอบกรุงเทพมหานครที่เร็วที่สูงและบ่งบอกความเจริญของประเทศไทยมากที่สุดตั้งแต่ยุคก่อนมาจนถึงยุคสมัยนี้ที่ผู้คนก็ยังคงนั่งรถไฟฟ้าดังกล่าวอยู่ และมีการพัฒนาเสริมเส้นทางต่าง ๆ ให้ครอบคลุมทั่วกรุงเทพมหานครไปจนถึงนนทบุรีและสมุทรปราการด้วย จึงยิ่งทำให้ผู้คนหันมาให้ความสนใจการนั่งรถไฟฟ้ากันมากขึ้นกว่าแต่ก่อน ฟิลลิ่งคล้าย ๆ กับญี่ปุ่นที่อยู่เขตไหนก็มีรถไฟฟ้าเข้าถึงคุณในราคาที่สบายกระเป๋า แต่เพราะมีหลากหลายเส้นทางที่ต้องขยายและพื้นที่กรุงเทพมหานครก็มีที่สร้างแออัดจึงทำให้มีการสร้างรถไฟฟ้า MRT ขึ้นมาให้บริการร่วมกับรถไฟฟ้า BTS ด้วย ทำให้บางคนที่ไม่คุ้นชินกับรถไฟฟ้าอาจจะสงสัยว่า “BTS กับ

            พบกันอีกครั้งกับ ทริคน่ารู้ เชื่อว่าในที่นี้คงจะมีคนมากมายที่คิดว่า “ผ้าแพร” กับ “ผ้าต่วน” คือ ผ้าชนิดเดียวกัน เพราะด้วยสีสันของผ้าที่มีหลากหลายสี และเนื้อผ้าที่มีความมัน คุณภาพต่าง ๆ โดดเด่นในระดับเดียวกันซึ่งผู้หญิงไทยโบราณมักจะนำมาทำเป็นสไบและเครื่องแต่งกายผลัดผ้าเพื่อความสวยความงามหลากหลายรูปแบบ อีกทั้งชาวเอเชียก็ยังนิยมนำมาทำเป็นเสื้อผ้าสวมใส่ตามงานในโอกาสต่าง ๆ ด้วย มาจนถึงในวันนี้ที่ผ้าแพรกับผ้าต่วนก็ยังเป็นผ้าที่ขายดีติดอันดับต้น ๆ ของโลกเช่นเดิม ยิ่งในช่วงนี้เกิดเทรนด์การสวมใส่ชุดไทยประยุกต์ที่ใช้เนื้อผ้าแพรและเนื้อผ้าต่วนมาสร้างสรรค์ออกแบบให้สวยงามใส่ไปออกงานอีเวนต์แบบไทย ๆ หรือแบบทันสมัยสไตล์ชุดตะวันตกที่มีมิติโดดเด่นก็ทำให้ใครต่อใครก็ต้องมองด้วยความหลงใหลมาก เราจึงอยากถือโอกาสนี้พาทุกคนมารู้จักกับความแตกต่างระหว่าง “ผ้าแพร กับ