แสงสว่างไม่ได้เป็นเพียงแค่สิ่งที่ทำให้เรามองเห็น แต่คือองค์ประกอบสำคัญที่กำหนดอารมณ์และบรรยากาศของพื้นที่นั้นๆ หากเปรียบเทียบการแต่งบ้านเป็นงานศิลปะ การจัดแสงก็คือการลงสีที่สร้างมิติและทำให้ภาพสมบูรณ์แบบ การเลือกใช้ แสงสว่างที่เหมาะสม ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การมีหลอดไฟ แต่คือการผสมผสานแสงธรรมชาติและแสงประดิษฐ์ให้ทำงานร่วมกันอย่างชาญฉลาด เพื่อเปลี่ยนบ้าน ให้น่าอยู่ ให้กลายเป็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาและความรู้สึกที่ต้องการ
เปลี่ยนบ้าน ให้น่าอยู่ ด้วยการจัดเเสง

1. การใช้แสงธรรมชาติ พลังงานบริสุทธิ์จากดวงอาทิตย์
การใช้แสงธรรมชาติให้เกิดประโยชน์สูงสุดเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกและเป็นวิธีที่ประหยัดที่สุดในการสร้างบรรยากาศที่น่าอยู่ แสงแดดในยามเช้าที่ส่องผ่านหน้าต่างเข้ามาสามารถปลุกพลังงานและสร้างความรู้สึกสดชื่นให้กับบ้านได้ ลองเปิดหน้าต่างและประตูเพื่อรับแสงแดดและลมธรรมชาติเข้ามาอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะในห้องนั่งเล่นหรือห้องทำงานที่ต้องการความกระฉับกระเฉง
- ทิศทางของแสง การเลือกทิศทางของหน้าต่างหรือช่องแสงมีผลต่อปริมาณและประเภทของแสงที่เข้ามาในแต่ละช่วงเวลาของวัน
- ทิศตะวันออก แสงแดดในตอนเช้าจะอ่อนโยนและนุ่มนวล เหมาะสำหรับห้องนอนหรือห้องนั่งเล่นยามเช้า
- ทิศตะวันตก แสงแดดในช่วงบ่ายจะค่อนข้างแรงและร้อน อาจต้องใช้ม่านกรองแสงหรือปลูกต้นไม้ใหญ่เพื่อช่วยบังแสง
- ทิศเหนือ แสงที่ส่องเข้ามาจะคงที่และไม่เปลี่ยนแปลงตลอดวัน เหมาะสำหรับห้องทำงานหรือสตูดิโอที่ต้องการแสงสม่ำเสมอ
- ทิศใต้ แสงสว่างจ้าที่สุดตลอดทั้งวัน เหมาะสำหรับพื้นที่ที่ต้องการความสว่างมาก เช่น ห้องครัวหรือพื้นที่ทานอาหาร
- อุปกรณ์ช่วยกรองแสง ม่านโปร่งแสงสีขาวหรือสีอ่อนเป็นตัวช่วยที่ดีเยี่ยมในการกรองแสงแดดที่แรงเกินไปให้ดูนุ่มนวลและโรแมนติกขึ้นได้โดยไม่ทำให้ห้องมืดทึบ นอกจากนี้ การใช้กระจกเงาในตำแหน่งที่เหมาะสมก็สามารถช่วยสะท้อนแสงและทำให้ห้องเล็กๆ ดูสว่างและกว้างขึ้นได้อีกด้วย
2. การจัดแสงประดิษฐ์ สร้างบรรยากาศตามใจคุณ
การจัดแสงจากหลอดไฟคือเครื่องมือสำคัญในการสร้างอารมณ์ที่แตกต่างกันในแต่ละพื้นที่ แสงประดิษฐ์สามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก ซึ่งการผสมผสานทั้งสามประเภทนี้จะช่วยให้บ้านของคุณมีมิติและน่าสนใจยิ่งขึ้น
- แสงหลัก (Ambient Lighting) เป็นแสงสว่างโดยรวมของห้อง มักมาจากโคมไฟเพดานหรือโคมไฟระย้า มีหน้าที่ให้แสงสว่างทั่วถึงทั้งห้อง ควรเลือกความสว่างที่เหมาะสมกับขนาดของห้องและกิจกรรมหลักที่ทำในห้องนั้น
- แสงเน้น (Accent Lighting) เป็นแสงที่ใช้เพื่อเน้นจุดสนใจ เช่น ภาพวาด, ประติมากรรม, ชั้นวางของ หรือต้นไม้ในบ้าน การใช้ไฟสปอตไลท์หรือโคมไฟตั้งโต๊ะที่มีทิศทางของแสงที่เจาะจงจะช่วยเพิ่มมิติและทำให้ของตกแต่งดูโดดเด่นขึ้น
- แสงสำหรับใช้งาน (Task Lighting) เป็นแสงที่ใช้สำหรับกิจกรรมเฉพาะทาง เช่น โคมไฟอ่านหนังสือข้างเตียง, ไฟส่องสว่างเหนือโต๊ะทำงาน หรือไฟใต้ตู้ในห้องครัว แสงประเภทนี้จะช่วยให้การทำกิจกรรมต่างๆ สะดวกและปลอดภัยยิ่งขึ้น
3. การเลือกใช้ประเภทหลอดไฟและโคมไฟให้เหมาะสม
การเลือกหลอดไฟและโคมไฟมีผลต่อบรรยากาศและฟังก์ชันการใช้งานของแต่ละพื้นที่
- หลอดไฟ
- โทนอุ่น (Warm White) ให้แสงสีเหลืองนวล สร้างบรรยากาศที่อบอุ่น ผ่อนคลาย เหมาะสำหรับห้องนอนและห้องนั่งเล่น
- โทนธรรมชาติ (Natural White) ให้แสงสีขาวนวลสบายตา ใกล้เคียงกับแสงธรรมชาติ เหมาะสำหรับห้องน้ำและห้องแต่งตัว
- โทนแสงขาว (Daylight) ให้แสงสีขาวสว่างจ้า ช่วยกระตุ้นความตื่นตัว เหมาะสำหรับห้องทำงานและห้องครัว
- โคมไฟ:
- โคมไฟตั้งพื้น เหมาะสำหรับมุมพักผ่อนหรือมุมอ่านหนังสือ สามารถเคลื่อนย้ายได้ง่ายและปรับเปลี่ยนบรรยากาศได้ตามต้องการ
- โคมไฟตั้งโต๊ะ ใช้เป็นแสงสำหรับทำงานหรือเป็นของตกแต่งที่เพิ่มความน่าสนใจให้กับโต๊ะหรือชั้นวางของ
- โคมไฟติดผนัง ใช้เป็นแสงเน้นหรือแสงสำหรับทางเดิน ช่วยเพิ่มมิติให้กับผนังและสร้างบรรยากาศที่นุ่มนวล
- โคมไฟระย้า เป็นโคมไฟที่สวยงามและโดดเด่น เหมาะสำหรับห้องที่มีเพดานสูงหรือห้องอาหาร ช่วยดึงดูดสายตาและสร้างความหรูหรา
4. เทคนิคการจัดแสงในแต่ละห้อง
ห้องนั่งเล่น ควรมีการจัดแสงแบบผสมผสานเพื่อให้สามารถปรับเปลี่ยนบรรยากาศได้ตามสถานการณ์ ใช้ไฟเพดานเป็นแสงหลัก, ใช้โคมไฟตั้งพื้นในมุมนั่งเล่นเพื่อสร้างบรรยากาศที่อบอุ่น, และใช้ไฟส่องเน้นภาพวาดหรือชั้นวางหนังสือเพื่อเพิ่มความน่าสนใจ
ห้องนอน เน้นบรรยากาศที่ผ่อนคลายและสงบเงียบ ควรใช้หลอดไฟโทนอุ่นเป็นหลัก อาจใช้ไฟหรี่เพื่อปรับความสว่างได้ตามต้องการ และมีโคมไฟตั้งโต๊ะข้างเตียงสำหรับการอ่านหนังสือ
ห้องครัว ต้องการแสงสว่างที่ชัดเจนเพื่อความปลอดภัยในการทำอาหาร ควรใช้หลอดไฟโทนแสงขาวเป็นแสงหลัก และมีไฟใต้ตู้เพื่อส่องสว่างพื้นที่ทำงานให้ชัดเจน
ห้องน้ำ ใช้ไฟเพดานที่ให้ความสว่างทั่วถึง และมีไฟที่ส่องสว่างบริเวณกระจกเพื่อช่วยในการแต่งหน้าหรือโกนหนวด ควรเลือกหลอดไฟโทนธรรมชาติเพื่อไม่ให้สีเพี้ยน

การจัดแสงที่ลงตัวจะทำให้บ้านของคุณดูมีชีวิตชีวาและน่าอยู่ยิ่งขึ้นในทุกช่วงเวลาของวัน ลองปรับเปลี่ยนดูทีละเล็กทีละน้อย แล้วคุณจะพบว่าแสงสว่างมีผลต่อความรู้สึกของคุณมากกว่าที่คิด เพราะการจัดแสงที่ดีจะช่วยให้บ้านของคุณเป็นมากกว่าแค่ที่อยู่อาศัย แต่เป็นพื้นที่ที่สะท้อนตัวตนและสร้างความสุขให้กับคุณได้อย่างแท้จริง
อัพเดทข่าวสาร เพิ่มเติมที่ The7days